หน้าเว็บ

แกะกล่องกล้องดิจิตอล Canon EOS 500D

Posted by sbseo | Posted in , , | Posted on 20:55

0



เห็นว่ากล้องดิจิตอล Canon EOS 500D เป็นกล้องที่ใครๆก็อยากได้มาไว้ในครอบครอง เพราะอะไรหลายคนคงรู้อยู่แก่ใจ วันนี้ผมเลยหยิบวีดีโอแกะกล่องเจ้ากล้องดิจิตอลตัวนี้มาฝาก ให้ยั่วน้ำลายทั้งตัวเองและคนที่หลงเข้ามาอ่าน

กล้องดิจิตอล พานาโซนิค Lumix MDC-G11

Posted by sbseo | Posted in , , | Posted on 09:08

0

หากผมจะพูดถึงกล้องดิจิตอล Panasonic คงจะเคยมีคนรู้จักหรือเคยไดสัมผัสกันมาบ้างแล้ว โดยส่วนใหญ่แล้ว Panasonic จะมีกล้องดิจิตอลตระกูล Lumix ซะเกือบทั้งหมด ตอนนี้ทางพานาโซนิคได้นำกล้องดิจิตอล Panasonic Lumix DMC-G10 ซึ่งจุดด่นของรุ่นนี้ผมว่าคงเป็นเรื่องรูปลักษณ์ที่ออกแบบมาดูดีซะเหลือเกิน และสามารถ่ายวีดีโอระบบ HD ได้อีกด้วย

คุณสมบัติของ กล้องดิจิตอล พานาโซนิค Lumix MDC-G11

ความ ละเอียดของภาพ 13.1 Meg

ชนิด sensor Live MOS

ISO 100 – 6400

ถ่ายภาพต่อเนื่อง 3.2 fps

รองรับไฟล์ภาพ JPEG, RAW

บันทึกวีดีโอขนาดเล็กสุดที่ 320x240 Pixels และ บันทึกวีดีโอสูงสุดที่ 1280x720 Pixles

หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว

ความละเอียดของหน้าจอ LCD 460,000 Pixels

Memory SD

น้ำหนัก 336 g

สำหรับ คุณสมบัติที่กล่าวมานี้นั้นยังไม่หมดนะครับ เพียงแต่นำหลักๆ ที่เป็นจุดเด่นของรุ่น DMC-G10 มา ให้ทราบกัน โดยเป้าหมายอยู่ที่การพัฒนากล้องถ่ายภาพที่สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวที่มี ความคมชัดระดับ HD กันแล้ว ซึ่งถือว่าทำให้กล้องตัวเดียวนั้นมีความสามารถในการใช้งานที่ครบครันจริงๆ ครับ


กล้องดิจิตอล Nikon D5000

Posted by sbseo | Posted in , | Posted on 22:58

0

กล้องดิจิตอล Nikon D5000
Nikon D5000 เป็นกล้องที่มีน้ำนักเบาสามารถใช้งานได้ง่าย โดยถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายและเด็กก็สามารถใช้งานได้ จึงเป็นคุณสมบัติที่แตกต่าง ด้วยความละเอียดถึง 12.3 ล้านพิเซล

กล้อง ดิจิตอล Nikon D5000 เป็นกล้องแบบ Single-lens reflex digital camera มีความละเอียด 12.3 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Nikon DX format (23.6 x 15.8 มม.) CMOS sensor รองรับ ขนาดภาพ 4,288 x 2,848 [L], 3,216 x 2,136 [M], 2,144 x 1,424 [S] พิกเซล สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ (D-movie) 1280 x 720 / 24fps, 640 x 480 / 24fps, 320 x 240 / 24fps

Nikon D5000 มีความไวแสง ISO 200 ถึง 3,200 ครังละ 1/3 EV, plus HI-0.3, HI-0.7, HI-1 (ISO 6400); LO-0.3, LO-0.7 and LO-1 (ISO 100)

Nikon D5000 รองรับฟอร์แมทไฟล์แบบ NEF (12 bit compressed RAW); JPEG (Baseline-compliant); AVI movie (Motion JPEG compression format with monaural sound) ใช้เมมโมรี่การ์ดแบบ SD memory card (รองรับ SDHC ด้วย)

Nikon D5000 ใช้ระบบบันทึกภาพแบบ
1) Single frame
2) Continuous
3) Self-timer
4) Delayed remote
5) Quick-response remote
6) Silent shooting
7) D-Movie

Nikon D5000 สามารถปรับ White Balance ได้แบบ Auto (hybrid control with image sensor and 420-segment RGB sensor) 12 manual modes, 31 color temperature settings, รวมถึงการปรับแบบแมนนวล, fine tuning, white-balance bracketing

Nikon D5000 มีขนาดหน้าจอ LCD 2.7 นิ้ว ให้ความละเอียด 230,000 พิกเซล เป็นจอแบบ low-temperature polysilicon TFT vari-angle LCD

Nikon D5000 มาพร้อมฟังก์ชั่นการแสดงภาพ
1) Full-frame
2) Thumbnail (4/9/72, calendar)
3) playback zoom
4) RGB histogram display
5) RGB histogram for portion of the image visible in the monitor with playback zoom
6) Slide show
7) Movie playback
8) stop-motion movies

Nikon D5000 มีการเชื่อมต่อ NTSC หรือ PAL (สามารถเลือกได้), HDMI Type C connector, มีพอร์ต USB 2.0 (High-speed): MTP/PT, GP-1 (GPS Unit)

Nikon D5000 มีช่องมองภาพแบบออฟติคอล โดยเป็นช่องมองภาพแบบ Eye-level penta-Dach mirror type พร้อมกับการปรับ diopter ได้ (-1.7 ถึง +0.5m-1) ครอบคลุมการเห็นภาพในช่องมองประมาณ 95%

Nikon D5000 มีระบบออโต้โฟกัสแบบ TTL phase detection โดยใช้ Nikon Multi-CAM 1000 autofocus module with AF-assist (range approx. 0.5-3m/1ft 8 in. - 9ft 10 in.); Detection range: -1 to +19 EV (ISO 100 at (ISO 100 at 20?C/68?F)

Nikon D5000 มีโหมดโฟกัส
1) Autofocus (AF): Single-servo AF (AF-S); Continuous servo AF (AF-C); Auto AF-S/AF-C selection (AF-A)
2) Manual focus (MF) สามารถเลือกได้ 3 โฟกัส

Nikon D5000 มีระบบวัดแสงแบบ
1) Scene-recognition system compatible 3D color matrix metering (สำหรับเลนส์ชนิด G และ D), color matrix metering II (สำหรับเลนส์แบบอื่นๆ)
2) Center-weighted (กินพื้นที่ 8 มม.จากส่วนของกึ่งกลางภาพ)
3) spot metering (กินพื้นที่ 3.5 มม. ของส่วนโฟกัสที่เลือก)

Nikon D5000 มีช่วงการวัดแสง 1) 0 ถึง 20 EV (ระบบ 3D-Color Matrix หรือ Center-weighted metering), 2) 2 ถึง 20 EV (ระบบ Spot metering)

Nikon D5000 มีระบบบันทึกภาพ
1) Digital Vari-Program (Auto, Auto [Flash Off], Portrait, Landscape, Child, Sports, Close Up, Night Portrait)
2) Programmed Auto [P]
3) Shutter-Priority Auto [S]
4) Aperture Priority Auto [A]
5) Manual [M]
6) Scene modes สามารถเลือกทำงานได้แบบ Night landscape, Party/Indoor, Beach/Snow, Sunset, Dusk/Dawn, Pet portrait, Candlelight, Blossom, Autumn colors, Food, Sihouette, High key, Low key

Nikon D5000 สามารถถ่ายภาพคร่อมอัตโนมัติได้ 3 ภาพ โดยปรับค่าได้ระหว่าง 2.0 - +2.0 (ครั้งล่ะ 1/2 หรือ 1/3 EV) มีความไวชัตเตอร์เร็วสุดที่ 1/4000 วินาที มีความไวชัตเตอร์ช้าสุดที่ 30 วินาที

Nikon D5000 มีระบบชัตเตอร์แบบ Electronically controlled vertical-travel focal plane shutter, 30 ถึง 1/4000 วินาที สามารถปรับได้ 1/3 EV พร้อมโหมด bulb

Nikon D5000 มีช่องซิงค์แฟลชนอกแบบ X-contact ทำงานที่ 1/200 วินาที มีการควบคุมแฟลชแบบ i-TTL flash control โดยใช้เซอร์ RGB 420 ส่วน, i-TTL balanced fill-flash สำหรับ digital SLR, standard i-TTL flash สำหรับ digital SLR มีโหมดซิงค์แฟลช 4 แบบ คือ 1) Front-curtain sync, 2) Red-eye reduction, 3) Slow sync with red-eye reduction, 4) Slow sync, rear-curtain sync

Nikon D5000 สามารถถ่ายภาพแบบหน่วงเวลาได้ระหว่าง 2, 5, 10 or 20 วินาที มีรีโมทคอนโทรล Wireless Remote Control ML-L3 (optional) มี GPS แบบ GP-1 GPS Unit (optional)

Nikon D5000 มีเมนูภาษาให้เลือกถึง 17 ภาษา คือ German, English, Spanish, Finnish, French, Italian, Dutch, Polish, Portuguese, Russian, Swedish, Traditional Chinese, Simplified Chinese, Japanese, Korean, Danish, Norwegian เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่มีภาษาไทย

Nikon D5000 ใช้แหล่งพลังงานแบบ Rechargeable EN-EL9a Li-ion, EH-5a AC adapter มีระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ประมาณ 510 ภาพ

Nikon D5000 มีขนาด 127 x 104 x 80 มม. น้ำหนัก (ไม่รวมแบตเตอรี่) ประมาณ 560 กรัม

Nikon D5000 คุณลักษณะอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกก็คือ ตัวจอ LCD สามารถพับปิด-เปิดได้ 0-180 องศา และหมุนได้ -90-180 องศา มาพร้อมระบบ Dust Reductions System, Graphic User Interface, Live view (with face-priority AF), D-Movie


กล้องดิจิตอล Lumix MDC-G10

Posted by sbseo | Posted in , | Posted on 22:55

0

สำหรับกล้องดิจิตอลนั้นเพื่อนๆ คงจะคุ้นหูกันบ้างแล้วสำหรับ แบรนของ Panasonic คงจะไม่มีอย่างอื่นเลยนอกจากรุ่น Lumix ซึ่ง ตอนนี้ Panansonic ได้ผลิตรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Panasonic Lumix DMC-G10 ออก โดยคุณสมบัตินั้นได้เพิ่มเติมเข้าไปเพื่อให้มีการใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญสามารถบันทึกภาพเคลื่อไว ไฟล์วีดีโอในความคมชัดระดับ HD อีกด้วย

เรา มาดูคุณสมบัติของเจ้กล้องดิจิตอล Lumix MDC-G10 กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

ความ ละเอียดของภาพ 13.1 Meg

ชนิด sensor Live MOS

ISO 100 – 6400

ถ่ายภาพต่อเนื่อง 3.2 fps

รองรับไฟล์ภาพ JPEG, RAW

บันทึกวีดีโอขนาดเล็กสุดที่ 320x240 Pixels และ บันทึกวีดีโอสูงสุดที่ 1280x720 Pixles

หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว

ความละเอียดของหน้าจอ LCD 460,000 Pixels

Memory SD

น้ำหนัก 336 g

สำหรับ คุณสมบัติที่กล่าวมานี้นั้นยังไม่หมดนะครับ เพียงแต่นำหลักๆ ที่เป็นจุดเด่นของรุ่น DMC-G10 มา ให้ทราบกัน โดยเป้าหมายอยู่ที่การพัฒนากล้องถ่ายภาพที่สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวที่มี ความคมชัดระดับ HD กันแล้ว ซึ่งถือว่าทำให้กล้องตัวเดียวนั้นมีความสามารถในการใช้งานที่ครบครันจริงๆ ครับ

กล้องดิจิตอล Sony A380 ตัวกล้อง SLR รุ่นใหม่

Posted by sbseo | Posted in , , | Posted on 20:27

0

Sony A380

ไม่นานมานี้โซนี่ เปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR ใหม่ ใช้ชื่อรุ่นว่า A380 ตัวกล้องมีความละเอียด 14.2 ล้านพิกเซล ตัวบอดี้ได้รับการออกแบบใหม่ และมีประสิทธิภาพการทำงานที่รองรับการใช้งานตั้งแต่มือสมัครเล่นไปจนถึง ระดับมืออาชีพ โดยมีจุดที่โดดเด่นคือ จอมอนิเตอร์ที่ปรับระดับได้ ช่วยให้ถ่ายภาพในมุมมองที่แตกต่างได้สะดวกมากขึ้น ระบบป้องกันการสั่นไหว SteadyShot ที่ช่วยให้ถ่ายภาพโดยไม่ใช้แฟลชและขาตั้งกล้องที่ความเร็วชัตเตอร์ต่ำกว่า ปกติ และฟังก์ชั่น D-Range Optimizer ช่วยเพิ่มรายละเอียดในส่วนมืด ทำให้ภาพมีความสมบูรณ์มากขึ้น
Sony A380

กล้องดิจิตอล A380 ใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ CCD ขนาด APS-C 23.5 x 15.7 มม. ใช้หน่วยประมวลผล BIONZ ซึ่งมีประสิทธิภาพการทำงานสูง มีการทำงานที่รวดเร็ว และเก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน โหมดถ่ายภาพมีให้เลือกใช้งานได้ครอบคลุมทั้งระดับมือใหม่ เช่น โหมดออโต้ และโหมดโปรแกรมสำเร็จรูป 7 แบบ ซึ่งกล้องดิจิตอลจะคำนวณทุกอย่างให้โดยอัตโนมัติ หรือโหมดสำหรับมืออาชีพที่มีความชำนาญในการใช้กล้องมากขึ้น เช่น โหมด Program (P) โหมดออโต้รูรับแสง (S) โหมดออโต้ความเร็วชัตเตอร์ (A) และโหมดแมนนวล (M) โหมด Live View ได้รับการพัฒนาระบบโฟกัสให้รวดเร็วด้วยเทคโนโลยี Quick AF Live View ซึ่งผู้ใช้สามารถมองภาพผ่านจอมอนิเตอร์ได้ตลอดเวลา ทำให้ไม่มีปัญหาช่องมองภาพมืดเมื่อทำการโฟกัสภาพ นอกจากนี้ยังสามารถโฟกัสติดตามวัตถุแบบต่อเนื่องอัตโนมัติได้ตลอด ฟังก์ชั่น D-Range Optimizer ช่วยเพิ่มไดนามิกเรนจ์ของกล้องให้กว้างขึ้น ซึ่งทำให้เก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างครบถ้วน โดยฟังก์ชั่นนี้จะช่วยปรับเพิ่มความสว่างในโทนมืด แต่ยังคงรายละเอียดไว้ ทำให้ได้ภาพที่มีการไล่โทนอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับภาพถ่ายที่มีความเปรียบต่างของภาพมาก ฟังก์ชั่นที่โดดเด่นของโซนี่ A380 คือระบบป้องกันภาพสั่นไหว SteadyShot ซึ่งเป็นระบบที่มีใช้งานในกล้องโซนี่ทุกรุ่น ช่วยให้ถ่ายภาพได้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำกว่าปกติ 2.5-4 สตอป โดยระบบ SteadyShot สามารถใช้งานได้กับเลนส์ตระกูล Alpha เลนส์ KonicaMinolta และเลนส์ Carl Zeiss ได้ทุกรุ่น นอกจากนี้ โซนี่ A380 ยังมีโหมดสำหรับสร้างสรรค์ภาพแบบต่างๆ ได้ด้วย Creative Style ซึ่งสามารถปรับแต่งรูปแบบของภาพได้ตามลักษณะของภาพที่ต้องการ เช่น Standard, Vivid, Portrait, Landscape, Night view, Sunset และ Black & White ซึ่งในแต่ละแบบยังสามารถปรับเพิ่มหรือลดคอนทราสต์ ความคมชัด และความอิ่มตัวของสีสันได้อีก +/- 3 ขั้น

Sony A380


ด้านไวท์บาลานซ์สามารถปรับเลือกการทำงานได้แบบออโต้ หรือปรับเลือกตามสภาพแสงได้ 7 แบบ คือ Daylight, Shade, Cloudy, Tungsten, Fluorescent, Flash โดยสามารถปรับแบบละเอียดได้อีก +/-3 ขั้น นอกจากนี้ ยังตั้งแบบ Preset ได้อีก และเมื่อปรับไวท์บาลานซ์ในขณะที่ใช้ Live View กล้องจะพรีวิวภาพให้เห็นผลของการปรับไวท์บาลานซ์แบบต่างๆ และเมื่อปรับวัดแสง Over หรือ Under กล้องก็จะแสดงผลให้เห็น ซึ่งสะดวกในการใช้งานและลดความผิดพลาดลงไปได้มากเช่นกัน ตัวบอดี้ของโซนี่ A380 ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด กริปมือจับด้านหน้าหุ้มยางกันลื่นและออกแบบให้ยาวนูนออกมาพอสมควร ช่วยให้จับกล้องได้อย่างกระชับมั่นคงขึ้น เหนือกริปขึ้นไปเล็กน้อยเป็นแป้น Control Dial ซึ่งเป็นแป้นหลักสำหรับปรับควบคุมการทำงานของกล้อง และใช้ปรับความเร็วชัตเตอร์หรือรูรับแสง ซึ่งเมื่อถ่ายภาพในโหมดแมนนวล หรือโหมด M การปรับขนาดรูรับแสง จะต้องกดปุ่มชดเชยแสง (+/-) ซึ่งอยู่เยื้องๆ ไฟด้านหลังกล้องค้างไว้ด้วย บนตัวกล้องติดกับหัวกะโหลก เป็นสวิทช์ปรับเลือกการทำงานระบบ Live view ใกล้ๆ กันเป็นปุ่ม Smart Teleconverter ใช้สำหรับปรับซูมภาพแบบดิจิตอลเมื่อใช้ระบบ Live View ด้านหลังเป็นจอมอนิเตอร์ขนาด 2.7 นิ้ว ที่สามารถปรับ ก้มเงยได้หลายระดับ ซึ่งสะดวกสำหรับการถ่าย ภาพในมุมสูง หรือมุมต่ำ เหนือจอมอนิเตอร์เป็นช่องวิวไฟน์เดอร์แบบ Penta-Dach-Mirror กำลังขยาย 0.74 เท่า มองเห็นภาพได้ 95% พร้อมเซ็นเซอร์ระบบ Eye Start โซนี่ A380 ไม่มีจอ LCD สำหรับแสดงข้อมูล จึงใช้การแสดงผลที่จอมอนิเตอร์แทน ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก การแสดงผลมีให้เลือกใช้งานได้ 2 แบบ แบบแท่งกราฟออกแบบให้เข้าใจได้ไม่ยากและใช้งานได้ง่ายๆ เช่น เมื่อเลื่อนแถบไปด้านซ้ายของแท่งกราฟขนาดรูรับแสง ฉากหลังจะเบลอจากขนาดรูรับแสงกว้าง แต่ถ้าเลื่อนมาด้านขวาภาพจะชัดทั้งหมด เป็นต้น Sony A380 ด้านหลังตัวกล้อง ยังมีที่ใช้ปรับตั้งค่าการทำงานโหมดถ่ายภาพ นั่นคือปุ่มฟังก์ชั่น (Fn) สำหรับเลือกโหมดออโต้โฟกัส, การเลือกพื้นที่โฟกัส, การเลือกระบบวัดแสง, การเลือกใช้งาน D-Range Optimizer, การเลือกไวท์บาลานซ์และ การเลือกรูปแบบ Creative Style โดยเมื่อกดปุ่ม Fn. เมนูการทำงานทั้ง 6 แบบจะโชว์ที่จอมอนิเตอร์ ปรับเลือกเมนูด้วยปุ่ม 4 ทิศทาง เลือกปรับตั้งด้วยปุ่ม AF เลือกค่าที่ต้องการด้วยปุ่มขึ้น-ลง และยืนยันค่าที่เลือกใช้ด้วยปุ่ม AF อีกครั้ง ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้รวดเร็วและสะดวกมากทีเดียว โซนี่ A380 เป็นกล้องที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และมีเลนส์ให้เลือกใช้งานมากมาย ทั้ง เลนส์ในตระกูลอัลฟ่า เลนส์ของ KonicaMinolta และเลนส์ Carl Ziess อีกหลายขนาด นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว SteadyShot ในตัว ซึ่งเปิดใช้งานได้ตลอดเวลา ช่วยให้บันทึกภาพด้วยแสงธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้แฟลชได้สะดวกขึ้น อีกหนึ่งในจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่จอมอนิเตอร์ที่สามารถปรับระดับได้ ซึ่งใช้ในการสร้างสรรค์มุมภาพที่แตกต่างจากคนอื่น หรือเมื่อต้องถ่ายภาพในพื้นที่ที่ไม่เอื้ออำนวยกับการถือกล้องถ่ายในสภาพ ปกติได้มากมายทีเดียวครับ นอกจากนี้ระบบ Live View ของโซนี่ A380 ยังสามารถมองภาพได้ตลอดเวลา เพราะใช้เซ็นเซอร์ 2 ตัว แยกการทำงาน จึงสะดวกในการใช้ฟังก์ชั่นนี้กับการถือกล้องถ่ายภาพโดยไม่มีปัญหาเรื่องภาพ มืดไป
ชั่วขณะ เมื่อปรับโฟกัส โซนี่ A380 มีอุปกรณ์เสริมให้เลือกใช้งานได้หลายอย่างทั้งเลนส์ขนาดต่างๆ และแฟลชเฉพาะกิจหลายรุ่น จึงทำให้เป็นกล้องที่เหมาะสำหรับเลือกใช้งาน ทั้งแบบจริงจัง หรือใช้บันทึกการเดินทางท่องเที่ยว และเหมาะสำหรับการใช้งานในทุกระดับด้วยครับ

ขอบคุณรีวิวจาก :hitech.sanook.com